โอวาทหลวงพ่อทัตตชีโว วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ.2559 วาระวันสงกรานต์ ณ หอฉันคุณยายฯ
โอวาทหลวงพ่อทัตตชีโว วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ.2559 วาระวันสงกรานต์ ณ หอฉันคุณยายฯ
ในวาระวันสงกรานต์ เรื่องวันสงกรานต์นี้ ขนบธรรมเนียมมีอยู่ในตัวว่าวันสงกรานต์ เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยของบรรพบุรุษเรา เพราะเราได้รับปัญญาจาก พระพุทธเจ้า เราจึงต่างจากชนชาติอื่นๆ ถ้าปีใหม่ของชาติอื่นๆจะสนุกสนาน แต่ว่าถ้าของบรรพบุรุษชาวพุทธเรา คือ นอกจากมาพบหน้ากันในวันปีใหม่แล้ว และเฮฮากันในหมู่พี่น้อง ยังมีเรื่องอื่นอีก คือ
1.นอกจากพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว มีเรื่องต้องทำต่อ คือ เรื่องแรก การมีของขวัญไปฝากญาติผู้ใหญ่ที่มาพร้อมหน้ากัน กล่าวคือมีเครื่องสักการะ หมายถึงของที่มอบให้แก่ผู้ที่ควรแก่การเคารพ รวมทั้งผู้ที่มีพระคุณ คือครูบาอาจารย์ของเรานั้นเอง นี้คือสิ่งที่สมควรแก่การกระทำ
พระพุทธเจ้าท่านทรงให้ความสำคัญว่า เราต้องทำใจให้ผ่องใสอยู่เป็นนิจ เพราะจะนำความเจริญมาในขณะที่มีชีวิตอยู่ และแม้ละโลกไปแล้วก็ไปสวรรค์
ฉะนั้นเมื่อมาพร้อมหน้ากันแล้ว นำเครื่องที่ควรแก่สักการะมาให้ผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยความรักความนับถือ และจะรู้ว่าลูกหลานเรารู้ใจพ่อแม่ไหมก็ดูจากของที่สรรหามาให้นี้เอง
ส่วนเมื่อเราอยู่เป็นครอบครัวใหญ่หมู่ญาติต่างๆก็ได้รับของต่างๆกันไปด้วยใจที่เบิกบาน นี้คือปีใหม่ของคนไทยที่ต่างจากที่อื่นมีแต่ เค้ก เป็นต้น
เนื่องจากเรายังเป็นคนที่มีกิเลส บางครั้งก็คิดดีบ้างร้ายบ้าง เช่น บางทีพ่อแม่เราเตือนก็คิดว่าท่านจู้จี้ จนวันที่เราเป็นพ่อแม่เองถึงจะเข้าใจความรู้สึกนั้น
แม้ครูบาอาจารย์ ท่านปราถนาดีกับเราหรือบางทีเราหงุดหงิดท่าน ดังนั้นจึงมีประเพณีอันที่สองตามมา คือ ให้มีน้ำใสๆ และลอยดอกมะลิเอาไว้ นำน้ำนี้มารดมือท่านเป็นการขอขมา ที่เคยคิดไม่ดีต่างๆไว้
แม้ผู้บังคับบัญชาหรือสามีภรรยาก็ตาม ในหนึ่งปีที่ผ่านมาให้อโหสิกรรมคือปิดบัญชีที่เคยขุ่นข้องหมองใจกัน นี้เป็นสิ่งที่สองที่ปู่ย่าตาทวดของเราทำ
สิ่งที่สาม เมื่อลูกหลานมาขอขมาแล้ว ผู้เฒ่านอกจากอโหสิกรรมแล้ว พระพุทธเจ้าก็ให้ข้อคิดไว้ว่าผู้ที่เคยผิดพลาด และมาแสดงความเคารพ ผู้ที่สมควรแต่การเคารพ จะมีบุญติดตัว คือ มี อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ อายุจะได้ยืนๆสร้างบารมีได้นานๆ
และหากท่านมีความดีอะไรอีก ท่านทำความดีอะไรไว้ เช่น ตลอดปี พ่อแม่ปู่ย่าได้สร้างความดีต่างๆ อาทิ สร้างองค์พระ สร้างเจดีย์ บริจาคสร้างโรงพยาบาลหรือให้ทุนการศึกษา และตักบาตรทุกวัน ท่านจะได้ถือโอกาสอาราธนาบารมี ที่ท่านทำมานี้ มาติดตามตัวลูกหลานด้วย
เงินทองที่เราให้พ่อให้แม่ ที่ท่านนำเงินไปทำบุญ ลูกหลานจะได้มีส่วนในบุญนั้นด้วย และสร้างบารมีเคียงบ่าเคียงไหล่กันในภพต่อๆไป
ที่พูดในวันนี้ เพราะไม่อยากให้ปล่อยปะละเลย บาปแม้เล็กน้อยแต่หากยังค้างในใจก็ไม่ดี ส่วนบุญแม้เล็กน้อยก็มีอานุภาพมากเช่นกัน
การขอขมาคือให้ปิดบัญชีบาป แล้วให้พร ก็เปิดบัญชีบุญต่อๆไป เมื่อพ่อแม่ท่านนึกถึงบุญ และให้มาตามคุ้มครองพวกเรา ดังนั้นทั้งการขอขมาผู้ใหญ่ และให้พรลูกหลานจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
เมื่อเป็นเช่นนี้พ่อแม่ก็ต้องพาลูกหลานไปกราบปู่ย่าตายาย เพื่อให้รู้ขนบธรรมเนียมที่ดีที่ถูกต้องด้วย เมื่อเขาเติบโตไปจะได้รู้หลักถึงสิ่งที่เราทำ แม่ตัวเล็กๆเขาจะได้จำในสิ่งดีๆที่เราทำนี้
เรื่องที่สี่ กว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้ หากปู่ย่าตาทวดไม่มีธรรมะประจำตระกูลอบรมกันมา เราคงตั้งฐานะมาถึงวันนี้ไม่ได้ และกว่าจะเป็นประเทศไทยได้ บรรพบุรุษเราต้องใช้เลือดเนื้อไปเท่าใด ดังนั้นนอกจากแสดงความเคารพสักการะพ่อแม่ปู่ย่าต้นตระกูลเราแล้วยังไม่พอ ต้องบวกกับบรรพบุรุษที่สร้างชาติและรักษาพระพุทธศาสนาด้วย
เมื่อนึกถึงท่านแล้วก็มาทำบุญกันและอุทิศบุญให้กับท่านเหล่านี้ ว่าเราไม่ลืมพระคุณท่าน บางท่านแม้ชื่อจำไม่ได้ หรือไม่มีแม้แต่ภาพถ่าย แต่เรารู้ว่าท่านเหล่านี้รักษาแผ่นดินไทยก็ทำบุญอุทิศไปให้ท่าน
เมื่อมาทำบุญพร้อมหน้ากันหมู่ญาติ ก็ให้ปรึกษาหารือกันว่าจะทำสิ่งใดๆเพื่อรักษาชาติ รักษาพระพุทธศาสนาสืบไป
เช่น สร้างเจดีย์ สร้างพระไตรปิฎก หรือไปถือศีลปฏิบัติธรรมก็ว่ากันไป
สรุป
1.หาเครื่องมาสักการะญาติผู้ใหญ่
2.มาขอขมาญาติผู้ใหญ่
3.ขอศีลขอพรกัน
4.มาสั่งสมบุญให้กับตนเองและอุทิศให้หมู่ญาติ
นี้คือปีใหม่ที่จะมาพร้อมหน้ากันเพื่อเริ่มต้นสิ่งที่ดีงามหลวงพ่อขออนุโมทนาบุญด้วยนะ.
ในวาระวันสงกรานต์ เรื่องวันสงกรานต์นี้ ขนบธรรมเนียมมีอยู่ในตัวว่าวันสงกรานต์ เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยของบรรพบุรุษเรา เพราะเราได้รับปัญญาจาก พระพุทธเจ้า เราจึงต่างจากชนชาติอื่นๆ ถ้าปีใหม่ของชาติอื่นๆจะสนุกสนาน แต่ว่าถ้าของบรรพบุรุษชาวพุทธเรา คือ นอกจากมาพบหน้ากันในวันปีใหม่แล้ว และเฮฮากันในหมู่พี่น้อง ยังมีเรื่องอื่นอีก คือ
1.นอกจากพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว มีเรื่องต้องทำต่อ คือ เรื่องแรก การมีของขวัญไปฝากญาติผู้ใหญ่ที่มาพร้อมหน้ากัน กล่าวคือมีเครื่องสักการะ หมายถึงของที่มอบให้แก่ผู้ที่ควรแก่การเคารพ รวมทั้งผู้ที่มีพระคุณ คือครูบาอาจารย์ของเรานั้นเอง นี้คือสิ่งที่สมควรแก่การกระทำ
พระพุทธเจ้าท่านทรงให้ความสำคัญว่า เราต้องทำใจให้ผ่องใสอยู่เป็นนิจ เพราะจะนำความเจริญมาในขณะที่มีชีวิตอยู่ และแม้ละโลกไปแล้วก็ไปสวรรค์
ฉะนั้นเมื่อมาพร้อมหน้ากันแล้ว นำเครื่องที่ควรแก่สักการะมาให้ผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยความรักความนับถือ และจะรู้ว่าลูกหลานเรารู้ใจพ่อแม่ไหมก็ดูจากของที่สรรหามาให้นี้เอง
ส่วนเมื่อเราอยู่เป็นครอบครัวใหญ่หมู่ญาติต่างๆก็ได้รับของต่างๆกันไปด้วยใจที่เบิกบาน นี้คือปีใหม่ของคนไทยที่ต่างจากที่อื่นมีแต่ เค้ก เป็นต้น
เนื่องจากเรายังเป็นคนที่มีกิเลส บางครั้งก็คิดดีบ้างร้ายบ้าง เช่น บางทีพ่อแม่เราเตือนก็คิดว่าท่านจู้จี้ จนวันที่เราเป็นพ่อแม่เองถึงจะเข้าใจความรู้สึกนั้น
แม้ครูบาอาจารย์ ท่านปราถนาดีกับเราหรือบางทีเราหงุดหงิดท่าน ดังนั้นจึงมีประเพณีอันที่สองตามมา คือ ให้มีน้ำใสๆ และลอยดอกมะลิเอาไว้ นำน้ำนี้มารดมือท่านเป็นการขอขมา ที่เคยคิดไม่ดีต่างๆไว้
แม้ผู้บังคับบัญชาหรือสามีภรรยาก็ตาม ในหนึ่งปีที่ผ่านมาให้อโหสิกรรมคือปิดบัญชีที่เคยขุ่นข้องหมองใจกัน นี้เป็นสิ่งที่สองที่ปู่ย่าตาทวดของเราทำ
สิ่งที่สาม เมื่อลูกหลานมาขอขมาแล้ว ผู้เฒ่านอกจากอโหสิกรรมแล้ว พระพุทธเจ้าก็ให้ข้อคิดไว้ว่าผู้ที่เคยผิดพลาด และมาแสดงความเคารพ ผู้ที่สมควรแต่การเคารพ จะมีบุญติดตัว คือ มี อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ อายุจะได้ยืนๆสร้างบารมีได้นานๆ
และหากท่านมีความดีอะไรอีก ท่านทำความดีอะไรไว้ เช่น ตลอดปี พ่อแม่ปู่ย่าได้สร้างความดีต่างๆ อาทิ สร้างองค์พระ สร้างเจดีย์ บริจาคสร้างโรงพยาบาลหรือให้ทุนการศึกษา และตักบาตรทุกวัน ท่านจะได้ถือโอกาสอาราธนาบารมี ที่ท่านทำมานี้ มาติดตามตัวลูกหลานด้วย
เงินทองที่เราให้พ่อให้แม่ ที่ท่านนำเงินไปทำบุญ ลูกหลานจะได้มีส่วนในบุญนั้นด้วย และสร้างบารมีเคียงบ่าเคียงไหล่กันในภพต่อๆไป
ที่พูดในวันนี้ เพราะไม่อยากให้ปล่อยปะละเลย บาปแม้เล็กน้อยแต่หากยังค้างในใจก็ไม่ดี ส่วนบุญแม้เล็กน้อยก็มีอานุภาพมากเช่นกัน
การขอขมาคือให้ปิดบัญชีบาป แล้วให้พร ก็เปิดบัญชีบุญต่อๆไป เมื่อพ่อแม่ท่านนึกถึงบุญ และให้มาตามคุ้มครองพวกเรา ดังนั้นทั้งการขอขมาผู้ใหญ่ และให้พรลูกหลานจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
เมื่อเป็นเช่นนี้พ่อแม่ก็ต้องพาลูกหลานไปกราบปู่ย่าตายาย เพื่อให้รู้ขนบธรรมเนียมที่ดีที่ถูกต้องด้วย เมื่อเขาเติบโตไปจะได้รู้หลักถึงสิ่งที่เราทำ แม่ตัวเล็กๆเขาจะได้จำในสิ่งดีๆที่เราทำนี้
เรื่องที่สี่ กว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้ หากปู่ย่าตาทวดไม่มีธรรมะประจำตระกูลอบรมกันมา เราคงตั้งฐานะมาถึงวันนี้ไม่ได้ และกว่าจะเป็นประเทศไทยได้ บรรพบุรุษเราต้องใช้เลือดเนื้อไปเท่าใด ดังนั้นนอกจากแสดงความเคารพสักการะพ่อแม่ปู่ย่าต้นตระกูลเราแล้วยังไม่พอ ต้องบวกกับบรรพบุรุษที่สร้างชาติและรักษาพระพุทธศาสนาด้วย
เมื่อนึกถึงท่านแล้วก็มาทำบุญกันและอุทิศบุญให้กับท่านเหล่านี้ ว่าเราไม่ลืมพระคุณท่าน บางท่านแม้ชื่อจำไม่ได้ หรือไม่มีแม้แต่ภาพถ่าย แต่เรารู้ว่าท่านเหล่านี้รักษาแผ่นดินไทยก็ทำบุญอุทิศไปให้ท่าน
เมื่อมาทำบุญพร้อมหน้ากันหมู่ญาติ ก็ให้ปรึกษาหารือกันว่าจะทำสิ่งใดๆเพื่อรักษาชาติ รักษาพระพุทธศาสนาสืบไป
เช่น สร้างเจดีย์ สร้างพระไตรปิฎก หรือไปถือศีลปฏิบัติธรรมก็ว่ากันไป
สรุป
1.หาเครื่องมาสักการะญาติผู้ใหญ่
2.มาขอขมาญาติผู้ใหญ่
3.ขอศีลขอพรกัน
4.มาสั่งสมบุญให้กับตนเองและอุทิศให้หมู่ญาติ
นี้คือปีใหม่ที่จะมาพร้อมหน้ากันเพื่อเริ่มต้นสิ่งที่ดีงามหลวงพ่อขออนุโมทนาบุญด้วยนะ.
โอวาทหลวงพ่อทัตตชีโว วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ.2559 วาระวันสงกรานต์ ณ หอฉันคุณยายฯ
Reviewed by
HappinessplusC
on
09:25:00
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น :