พบชื่อ ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน รับเชค 60ล้าน จาก ศุภชัย

ชัด ๆ เปิดบันทึกคณะกรรมการประสานฯ เทียบคำชี้แจง ‘พ.ต.อ.สีหนาท’ ไฉนส่งเรื่องขายที่ดิน ‘ศุภชัย’ ให้ พนง.สส.ดีเอสไอ ดำเนินการเอง ก่อนอ้างไม่ทราบกระบวนการขาย ไม่ทำตามมติ คกก.ธุรกรรม ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ปปง. ตั้งคณะกรรมการขายทอดตลาด ประกาศให้ประชาชนรู้-เคาะราคาสู้
PIC sihanartt 20 4 59 1
นอกเหนือจากการพบชื่อนายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน (นายศรีราชา วงศารยางกูร) เป็นหนึ่งในผู้รับแคชเชียร์เช็ค วงเงิน 60 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นค่านายหน้าจากการขายที่ดินของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพื่อชดใช้สหกรณ์ฯ ในคดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์ฯไปกว่าหมื่นล้านบาท ตามการดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รับทราบด้วย โดยให้ปฏิบัติตามระเบียบ ปปง. ว่าด้วยการนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาด พ.ศ.2544 โดยอนุโลม
อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอบพบว่า การขายที่ดินดังกล่าว อาจไม่ได้ดำเนินการตามระเบียบ ปปง. ดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการตั้งคณะกรรมการขายทอดตลาดของ ปปง. เพื่อประกาศให้สาธารณชนรับทราบ และเข้าร่วมประมูลที่ดิน แต่กลับเป็นการเซ็นสัญญาขายที่ดินโดยตรงระหว่างนายศุภชัย และบริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด 
ขณะเดียวกันในระเบียบดังกล่าว ก็ไม่มีการระบุถึง ‘ค่านายหน้า’ ที่จำเป็นต้องจ่ายในการขายที่ดินแต่อย่างใด ?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงาน ปปง. โดย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการ ปปง. ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาสำนักงาน ปปง. และรักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. ได้ทำหนังสือชี้แจงสังคมถึงกรณีดังกล่าวแล้ว
โดยยืนยันว่า “สำนักงาน ปปง. ไม่ทราบกระบวนการที่ดีเอสไอดำเนินการขายที่ดินดังกล่าว และมีการคืนเงินให้กับนายศุภชัยกว่า 249 ล้านบาท แต่อย่างใด” ?
พ.ต.อ.สีหนาท ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2556 คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย (สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น) โดยส่งเรื่องพร้อมทรัพย์สินให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย
ขณะเดียวกัน เลขาธิการ ปปง. (ขณะนั้น) มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานในการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย โดยมีผู้แทนพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ผู้แทนผู้เสียหาย มาร่วมประชุมหารือเรื่องดังกล่าว โดยนายศุภชัยกับพวก ได้ยินยอมให้ขายทรัพย์สิน และนำเงินที่ได้ไปคืนผู้เสียหาย ซึ่งผู้แทนดีเอสไอได้รับทราบเรื่อง และจะนำไปเสนออธิบดีดีเอสไอ (ขณะนั้น) เพื่อพิจารณาตามแนวทางดังกล่าว ขณะเดียวกันฝ่ายผู้เสียหายได้เห็นชอบในการขายทรัพย์สินดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างการอายัดของดีเอสไอด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2556 คณะทำงานประสานงานฯ (มีดีเอสไอ ปปง. ผู้เสียหาย และนายศุภชัยกับพวก) ได้จัดทำบันทึกแสดงความตกลงและยินยอมให้ขายทรัพย์สินไว้เป็นหลักฐาน แล้วมอบให้ทุกฝ่ายไปฝ่ายละ 1 ชุด 
“ทั้งนี้การจะขายทรัพย์สินได้เท่าใดหรือจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เป็นเรื่องของกระบวนการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายตามอำนาจหน้าที่พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป”
พ.ต.อ.สีหนาท ระบุเพิ่มเติมว่า กรณีการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย เป็นการดำเนินการก่อนที่จะมีการแก้ไขระเบียบและกฎหมายใหม่ ซึ่งเดิมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 49 วรรคท้าย ได้กำหนดว่า ในการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน ให้เลขาธิการส่งเรื่องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดความผิดฐานนั้นดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายก่อน สำนักงาน ปปง. จึงได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิให้กับผู้เสียหายตามกฎหมาย
“อย่างไรก็ดีในกรณีการขายทรัพย์สินและคืนเงินให้กับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กว่า 249 ล้านบาท การดำเนินการดังกล่าวไม่มีผู้แทนของสำนักงาน ปปง. ร่วมในการพิจารณา และกรมสอบสวนคดีพิเศษมิได้มีการรายงานหรือแจ้งรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าวให้กับสำนักงาน ปปง. ทราบแต่อย่างใด”
นี่เป็นคำชี้แจงจากสำนักงาน ปปง. โดย พ.ต.อ.สีหนาท ที่ยืนยันว่า ในกระบวนการขายทรัพย์สินและคืนเงินให้นายศุภชัยกว่า 249 ล้านบาท ทางสำนักงาน ปปง. ไม่มีส่วนร่วมในการพิจารณา และดีเอสไอไม่ได้แจ้งรายงานมาให้ทราบ
แต่ประเด็นสำคัญของกรณีนี้คือ ในการทำบันทึกของคณะกรรมการประสานงานฯ ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้นำทรัพย์สินของนายศุภชัย (ที่ดิน 1,822 ไร่) ออกขายตามมติของคณะกรรมการธุรกรรม โดยปฏิบัติตามระเบียบ ปปง. ว่าด้วยการนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาด พ.ศ.2544 โดยอนุโลม (ดูเอกสารประกอบ)
PIC ศภชยขายทดนดน 1
ซึ่งระเบียบดังกล่าวนี้ ระบุไว้ชัดเจนเช่นกันว่า เป็นหน้าที่ของ ปปง. ต้องตั้งคณะกรรมการขายทอดตลาด และประกาศให้สาธารณชนรับทราบ เพื่อเปิดการประมูลให้บุคคล/นิติบุคคลเข้าร่วมเสนอราคา 
แต่กรณีการขายที่ดินดังกล่าว เลขาธิการ ปปง. กลับส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินการขายทรัพย์สินเอง ซึ่งขัดกับระเบียบ ปปง. ว่าด้วยการนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาด พ.ศ.2544 ที่คณะกรรมการธุรกรรม ปปง. มีมติออกมา โดยไม่มีการตั้งคณะกรรมการขายทอดตลาด ไม่ได้ประกาศให้สาธารณชนรับทราบ รวมถึงไม่มีการเคาะราคาประมูลแต่อย่างใด
กลับให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการ โดยที่นายศุภชัย ได้นำที่ดิน 1,822 ไร่ดังกล่าว ไปทำสัญญาขายให้บริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด โดยตรง และไม่มีการเปิดประมูลตามมติของคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ด้วย
นอกจากนี้ยังให้บริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด สั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คเป็นชื่อของบุคคลต่าง ๆ และมีการจ่ายคืนนายศุภชัยด้วยจำนวนกว่า 249 ล้านบาท ทั้งที่ในระเบียบ ปปง. ฉบับดังกล่าว ระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อได้รับเงินหรือแคชเชียร์เช็คแล้วให้ ปปง. เก็บไว้ก่อน
เท่ากับว่า เลขาธิการ ปปง. อาจไม่ได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการธุรกรรมที่ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ปปง. ดังกล่าว เพื่อเปิดประมูลขายทรัพย์สิน ก่อนจะเก็บเงินหรือเช็คเอาไว้ แล้วจึงค่อยส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินการต่อ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานฯ ระบุไว้ ?
ส่วนเหตุผลว่าทำไมเลขาธิการ ปปง. ไม่ทำตามมติดังกล่าวคืออะไร ต้องติดตามต่ออย่างใกล้ชิด !
อ่านประกอบ :

โชว์ชัดๆ สัญญา ‘ศุภชัย’ขายที่ดินได้เงิน477ล. ไฉนคืนส.คลองจั่นแค่100 ล.?

เปิดตัวบ.ซื้อที่ศุภชัย 477ล. ที่แท้คนตระกูล 'อัษฎาธร' บิ๊กธุรกิจน้ำตาลไทย

ระดมกู้บริษัทในเครือ!เจาะแหล่งเงินคนตระกูล'อัษฎาธร' รับซื้อที่ ‘ศุภชัย’ 477ล.

ดีเอสไอไม่เคยแจ้งข้อมูล! ปปง.ปัดเอี่ยวปมคืนเงินขายที่249 ล.ให้ศุภชัย

ที่มา: 
http://www.isranews.org/investigative/investigate-news-person/item/46382-ppng.html

พบชื่อ ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน รับเชค 60ล้าน จาก ศุภชัย พบชื่อ ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน รับเชค 60ล้าน จาก ศุภชัย Reviewed by MFNews on 07:06:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น :

ขับเคลื่อนโดย Blogger.