จะมีหมอกี่คนในประเทศเรา ที่เป็น #หมอต้นแบบ #หมอดีที่โลกตัองการ "หมอ" ที่เรียกว่าหมอ ได้เต็มปาก

#หมออั้ม  อิราวัต  อารีกิจ
ขอเขียนอะไรสักสเตตัส

ครั้งหนึ่ง เมื่อปีที่ผมเป็นนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 6
ปีสุดท้าย ก่อนจบออกมาเป็นนายแพทย์
มี "หมอรุ่นพี่" ท่านหนึ่ง
สอนอะไรเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ให้ผม

ระหว่างที่พี่หมอท่านนี้สอนผม
ใบหน้าพี่หมอ จะเหมือน "ยิ้มตลอดเวลา"
พร้อมแววตาที่ดูเป็นมิตร จริงใจ

หลักๆ คือ สอนให้ผมรู้จัก
คำว่า "Service Mind"

สอนให้ผม มองการมาหาหมอ ของคนไข้
มิใช่ "การพึ่งพาด้านเดียว"
แต่เป็น "ทั้งหมด" ของการพึ่งพาอาศัยกัน
ในสังคมที่คนต้องเกิดแก่เจ็บตาย

สอนให้ผม อ่านตัวเลขงบประมาณเป็น
ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายใดๆ ของโรงพยาบาลรัฐ

สอนให้ผม มองบัตรทองฯ ระยะตั้งไข่
แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่โกรธเคืองนโยบาย
หากทำให้บุคลากรอย่างเรา ต้องยากลำบาก
ในระยะเริ่มแรก..

สอนให้ผม วิเคราะห์สังคมสาธารณสุข
แบบมีมิติความคิดที่ดี แบบต่อยอดบูรณาการได้
และเข้าใจภาพรวม ของสาธารณสุขไทย
เข้าใจความสำคัญของนโยบายระดับประเทศ
ว่าสามารถรักษาทั้งคน โรค สังคม เศรษฐกิจ
และทุกๆสิ่ง บนแผ่นดินได้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
มีหมอไม่กี่คน ในประเทศเรา
ที่มีความคิดข้างต้น แบบที่ผมนับถือ 
และนำมาปฏิบัติจนปัจจุบัน

"หมอ" ที่ผมเรียกว่าหมอ ได้เต็มปาก

"หมอ" ที่ทำงานอย่างหนัก
ร่วมกับคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์
คุณหมอต้นคิด ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ที่สุดท้าย กลายมาเป็น "30 บาทรักษาทุกโรค"

"หมอ" ที่มีจุดยืนทางการเมือง
ชัดเจน หนักแน่น และแน่วแน่
ไม่สั่นคลอน ไปตามกระแสอำนาจนิยม

ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจ
ให้พี่หมอ อาจารย์หมอ ท่านอดีต รมต.
และ พี่ชายที่เคารพรักของผม
ผ่านเรื่องร้ายๆ เหล่านี้ไปได้
ด้วยธรรม และความตั้งใจจริงที่พี่มี
ต่อประชาชน คนทั้งประเทศ

ขอบคุณที่เป็นหนึ่งคน
ที่นึกถึงประชาชน คนไข้
และสอนหมออย่างผม ให้เป็นหมอเต็มตัว
ทั้งโดยตรง และทำให้เห็น
Surapong Suebwonglee

ขอบคุณ #พี่หมอเลี้ยบ
#นายแพทย์สุรพงษ์_สืบวงศ์ลี
พี่ชาย และหมอ ที่ผมไม่มีวันลืม
หนทางยังอีกยาวไกลครับพี่
เราจะก้าวเดินไปด้วยกัน.