เมื่อผู้นำถือต่างศาสนามาเป็น อธิบดีกรม เราจึงได้แต่ สงสารสายงานอนุศาสนาจารย์กรมราชทัณฑ์


คนราชทัณฑ์ กับ งานราชทัณฑ์
             สวัสดีพี่น้องผู้คุมทั่วประเทศ ห่างหายไปนานอีกเช่นเคย มาถึงวาระออกพรรษา ก็มาพบปะกันซะหน่อย...เกี่ยวไรวะ..อิอิ.. ความคืบหน้ากรณี ความก้าวหน้าสายทั่วไป ก็ยังไม่คืบหน้าอะไร ... อาจเนื่องจากความผันผวนทางการเมือง...เกี่ยวมั้ย..ก็อย่างว่าครับ กรมราชทัณฑ์ สายวิชาการ เป็นเทวดา สายทั่วไปเป็นแรงงานรับจ้าง...พอเข้ามาดูหนังสือเวียนเห็นหนังสือเกี่ยวกับตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ หนังสือที่ ยธ 0702.1/28754 ลงวันที่ 1 กันยายน 2557 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งประเภทวิชาการเพิ่มใหม่ เพื่อกำหนดตำแหน่งที่มีลักษณะงานด้านการอบรมและพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง...โหลดหนังสือคลิ๊กเลย....เนื้อหาประมาณว่า ทางกรมได้ไปขอให้ ก.พ.กำหนดตำแหน่งด้านการพัฒนาจิตใจมาเป็นสายวิชาการ เรียกว่าตำแหน่งศาสนากร ว่างั้น...ซึ่ง ก.พ.ก็ได้ตอบกลับมาอย่างเด็กขาดว่า บ่ได้ บ่ได้...แถมยังสอนมวยกลับมาว่า ตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ หากจะปรับปรุงให้เจ้า นำเสนอ อ.ก.พ.กระทรวงเพื่อกำหนดตำแหน่ง โดยไปพิจารณาตำแหน่งนักทัณฑ์ที่เป็นตำแหน่งหลักทางวิชาการของคุณ ให้ทำงานครอบคลุมซะก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมาปรับเปลี่ยนให้วุ่นวาย...หลักเกณฑ์ต่างๆ ก็ไปว่ากันตาม ว.17 ปี 2552 เด้อ...ปิดท้ายหนังสือ กรมราชทัณฑ์ ยังบอกอีกว่า ถ้าอยากเป็นนักวิชาการก็ไปสอบ ภาค ก.ซิ แล้วเปลี่ยนเป็นนักทัณฑ์ซะ...เพราะทุกวันนี้ อยากเติบโตก้าวหน้า ต้องมาเป็นนักทัณฑ์เท่านั้น...
              อ่านแล้วท่านเห็นอะไร...ผมไม่รู้นะ เพื่อนผู้คุมหลายท่านอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน...แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ
               1. สงสารสายงานอนุศาสนาจารย์กรมราชทัณฑ์....
               2. มุมมองของคนที่อยู่กรมราชทัณฑ์ในการที่จะหาทางก้าวหน้าให้สายงานอื่นที่ไม่ใช่วิชาการ...โดยเฉพาะผู้ใหญ่บางท่าน
               3.การทำงานของหน่วยงานที่เป็นปากเป็นเสียงให้ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ทุกสายงาน เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ (กจ) ไม่เอาทะเล...


               ทำไมถึงว่าอย่างนั้น สายงานอนุศาสนาจารย์ ใครเข้ามากว่าจะได้ชำนาญงาน ต้องอายุงาน ถึง 9 ปี นี่คืออะไรครับ นี่คือเงินเดือนคุณต้องกินในระดับปฏิบัติการ และค่าตอบแทนกลาง มิดพ้อยท์ ในการตอบแทนประจำปี ต้องเป็น ..ปฏิบัติงาน...ตั้ง 9 ปี...ในขณะที่เด็ก ป.ตรี เข้ามาในระบบใหม่ เป็นนักทัณฑเทวดา ..ประเคน เงินเดือน บวกครองชีพ 15,000 และอยู่เล่นๆ แบบ ไม่ต้องเข้าเวร ไม่เปลืองตัว ซัก 6 ปี ก็ได้ 1 ดาว กับ 1 ช่อ แล้ว  การวิ่งของค่าตอบแทน ผิดกัน คุณภาพคน ผิดกัน ตอนนี้หัวอกเดียวกับสายทั่วไปที่ ไปรอเกษียณที่ชำนาญงาน ความก้าวหน้าไม่ต้องพูดถึง...
               มุมมองของคนที่อยู่ในกรมราชทัณฑ์ นี่คือเรื่องจริง เขาดันไปมองแบบตำรวจ ทหาร คือเขาถือว่า สายเทวดาหากเทียบเป็นสัญญาบัตร เป็นผู้บริหาร..ซึ่งจำเป็นต้องมีการบังคับบัญชาที่เหมือน หรือใกล้เคียงกัน .แต่เขาลืมมองความจริงที่ว่า เราเป็นข้าราชการพลเรือน ลักษณะงานเราอยู่ในพื้นที่เฉพาะ ทำงานคละกัน ทุกคนเป็นผู้คุมหมด...สมัยก่อน ผู้คุมเรา เคารพ กันด้วยคุณวุฒิวัยวุฒิ เพราะทุกคนถือว่า เท่าเทียมกันในเรื่องความก้าวหน้าการเติบโต เพราะระบบมันไล่ซีกัน 4 ไป 5   5 ไป 6   6 ไป 7  7 ไป 8 ซึ่งสามารถแข่งขันกันได้ทุกสายงาน ทุกวันนี้ต้องเป็นสายนักทัณฑเทวดาเท่านั้นถึงมีสิทธิ...อย่ามาพูดเรื่องความเท่าเทียมเลยครับ...อายปาก
               หน่วยงานที่เป็น ปากเสียง ผมเคยสอบถามหลายคน นะเกี่ยวกับทัศนะคติของคนพวกนี้ พวกนี้เขามองแต่ตัวเอง เขาไม่มองผู้คุมทั้งประเทศ เขามองแค่คนไนกรมฯ และสายวิชาการเท่านั้น พอผมชวนคุยเรื่องตำแหน่งอาวุโส ทำไมไม่เปิดตำแหน่ง  เขาว่าไงรู้มั้ยครับ  เขาบอกว่า ตำแหน่งอาวุโสเอาไว้ให้คนใกล้เกษียณ เพราะคำว่า อาวุโสก็บอกอยู่แล้ว...ผมก็พูดไม่ออกนะ ทุกวันนี้ พวกที่เป็นชำนาญการ สายเทวดา ทุกคน อยากเป็น ผอ. ผบ ทั้งนั้น และเขาก็มีโอกาส แต่พวกเราสายแรงงานหล่ะ ทำไมถูกกดทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ทุกวันนี้ การทำงานเรือนจำ ก็อาศัย พวกชำนาญงานประสบการณ์สูงค้ำจุนเรือนจำทั้งนั้น....ค่านิยมเด็กนักทัณฑเทวดา ทุกวันนี้ คือการทำงานอะไรก็ได้ที่ผ่านไปวันๆ และสบาย เพราะอีกไม่กี่ปี ก็ ได้ชำนาญการแล้ว...ผมเคยเห็นชำนาญการบางคน ถูกเกณฑ์ไประงับเหตุจราจลที่ เรือนจำ นะครับ ผมสมเพช น้ำหูน้ำตาใหลใจสั่น กลัวผู้ต้องขังมีแต่พวกเราชำนาญงานแก่ๆ แบกโล่ห์ตะบองออกทัพหน้า...บางคนอยู่ถึงชำนาญการเวรยามไม่เข้าเลยนะครับ..เพราะเขามีความเชื่อว่า ต้องทำให้ประวัติตัวเองสะอาด เพื่อจะได้เป็นผู้บริหารแบบสะอาดๆ ...ถุยย..หลายคนไม่เคยคุยกับผู้ต้องขังด้วยซ้ำ แล้วโตมามึงจะปกครองเรือนจำยังไง...ก็เหมือนหน่วยงานหนึ่งในกรมที่มีหน้าที่ต้องทำให้เรามันก็ไม่ทำ... และการที่คุณไม่สามารถทำให้ความก้าวหน้ามันเท่าเทียมกัน...วิกฤติการบังคับบัญชามันเกิดขึ้นแน่...อยากเป็น ผอ.ผบ แต่พอออกไปแล้ว สั่งงานสั่งการไม่ได้ ดูซิว่าคุกจะเป็นยังไง....อีกอย่างการ หารือ หรือ ช่วย ในการขอตำแหน่งหรือกำหนดความก้าวหน้า ให้สายอื่น ...น่าจะไปศึกษา หนังสือเวียน กฏ ระเบียบ ก.พ.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนดีมั้ย...กรมราชทัณฑ์เรา มีการกำหนดตำแหน่ง และ ภาระกิจหลัก ไปแค่ 2 สายงาน คือสายวิชาการ ในตำแหน่งนักทัณฑ  และ สายทั่วไป ในตำแหน่ง เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ โดยเฉพาะ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ เป็นสายงานในภาระกิจหลัก ที่กรมขอไป แต่โดนกดซะงั้น....อย่างหนังสือตัวนี้ อยู่จะไปขออนุศาสตร์ ซึ่งก.พ.รับรองว่าไม่เป็นสายงานที่จบ ป.ตรี ให้ไปครอบสายวิชาการทางศาสนาไปซะงั้น...มันได้ที่ใหน..ดีนะ ก.พ.มันไม่ตอกกลับมาด้วยว่า กรมช่วยไปแหกตาดูการกำหนดตำแหน่งตามภาระกิจของคุณดูซิคืออะไร...ไม่ใช่อยากขอให้เขาเสือกไปข้ามสายงาน กับภาระกิจซะงั้น...ภ้าจะขออย่างนั้น ขอให้อนุศาสนาจารย์เติบโตขึ้นถึง อาวุโส ไม่ดีกว่าหรือ...เพราะมันมีกรอบของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว...อย่ามาอ้างเรื่อง ปริญญาตรี โท นะครับ...มีกันแทบทุกคน...สุดท้ายก็ขอความเท่าเทียมกันจริงๆ ของการเติบโตในกรมราชทัณฑ์จงบังเกิดขึ้น กับทุกสายงานด้วยเถอะ... เพี้ยง...ขออำนาจเจ้าพ่อเจตคุปต์ ช่วยไปกระซิบผู้ใหญ่ให้ที...เอากันวันที่ 13 วันสถาปนานี่แหละ...ขลังนักเจ้าพ่อ...หากผู้ใหญ่ท่านใด ทำให้เกิดความเท่าเทียมได้ ราชทัณฑ์เราจะไปได้ไกล และท่านก็จะเป็นตำนาน เหมือน  พลโท กมล  ประจวบเหมาะ ที่เปิดบ้านราชทัณฑ์..ให้คนภายนอกได้มีโอกาสเข้ามารับใช้งานราชการ จนถึงทุกวันนี้


โหลด หนังสือราชการ ที่เกี่ยวข้องได้ที่ >  http://os.correct.go.th/correct/a28754_57.pdf

ที่มา: http://prisonjob.blogspot.com/2014/10/blog-post.html
เมื่อผู้นำถือต่างศาสนามาเป็น อธิบดีกรม เราจึงได้แต่ สงสารสายงานอนุศาสนาจารย์กรมราชทัณฑ์ เมื่อผู้นำถือต่างศาสนามาเป็น อธิบดีกรม เราจึงได้แต่ สงสารสายงานอนุศาสนาจารย์กรมราชทัณฑ์ Reviewed by MFNews on 02:05:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น :

ขับเคลื่อนโดย Blogger.