ศิษย์"หลวงตามหาบัว"ฮึ่ม! เตรียมคว่ำบาตร' ประยุทธ์' #VoteNo



„เมื่อวันที่ 20 เม.ย. คณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ออกประกาศมติสงฆ์จากจตุรทิศ ณ สวนแสงธรรม เรื่อง คณะสงฆ์กรรมฐานมีมติไม่ไว้วางใจ ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการปฏิบัติต่อสถาบันพระพุทธศาสนา ใจความตอนหนึ่งระบุว่า ตามที่พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เมตตารับเครือข่ายวิทยุเสียงธรรมที่ก่อตั้งจากความเสียสละของพระสงฆ์และประชาชนในแต่ละพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 เป็นต้นมา แม้คณะรัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงมาแล้วหลายชุด แต่ก็ไม่ถึงกับได้ออกคำสั่ง ซึ่งส่งผลเลวร้ายถึงขั้นปิดกั้นทำลายสื่อวิทยุในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเช่นที่ได้เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาปกครองบ้านเมือง สิ่งที่แถลงต่อสาธารณชนว่า จะปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปสื่อ ปฏิรูปพระพุทธศาสนา กับความจริงที่เกิดขึ้นเฉพาะกรณีวิทยุเสียงธรรมหลวงตาฯนั้น ถึงวันนี้คณะศิษย์ฯ ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ประจักษ์ด้วยสายตาตนเองอย่างชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลทุศีลในระดับชาติหลายข้อ เริ่มต้นด้วยการกล่าว "มุสาวาทา" ไม่ทำตามที่พูดแล้วก้าวเข้าทำ "อทินนาทานา" ด้วยการเข้าปล้นพื้นที่กระจายเสียง "มรดกธรรมหลวงตา"ให้ถึงแก่ความวิบัติ ในทางกลับกัน รัฐบาลเลือกปฏิบัติคุ้มครองเฉพาะ "วิทยุกลุ่มทุน" ซึ่งหากินกับรัฐจากการผูกขาดสัมปทานวิทยุของรัฐ ด้วยความอยุติธรรมเช่นนี้ ประชาชนผู้รับฟังธรรมะหลวงตาฯ ในแต่ละภูมิภาคที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก จึงพากันร้องทุกข์มายังคณะสงฆ์กรรมฐาน แม้สงฆ์และมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ จะเพียรพยายามทำหนังสือร้องขอไปยังหัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรีไม่น้อยกว่า 50 ฉบับ แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้กลับมาออกอากาศได้ ต่อมาแม้คณะสงฆ์ฯ และประชาชนจะไปทำเนียบรัฐบาลยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2558 ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้แจ้งไว้อย่างชัดเจนว่า จะร้องขอต่อนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อยุติการรังแกวิทยุธรรมะของ กสทช. ในเบื้องต้นดูเหมือนจะได้ผล เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งให้ กสทช.เร่งหาทางออกให้ได้ข้อยุติ จึงตั้ง "คณะทำงานแก้ไขปัญหาวิทยุกระจายเสียงที่เกี่ยวข้องกับศาสนา" และมีมติให้ "กลุ่มวิทยุศาสนาที่ไม่มีโฆษณา" ที่ได้รับผลกระทบสามารถใช้มาตรฐานเทคนิคตามที่เคยจดทะเบียนไว้กับ กทช.ได้ และสามารถก่อตั้งขึ้นใหม่ได้เฉพาะในพื้นที่ที่คลื่นความถี่ว่าง แต่จนถึงขณะนี้ ไม่ปรากฏว่าได้กระทำการจริงตามที่แจ้งไว้แต่อย่างใด ปัญหาความเดือดร้อนจากการปิดกั้นทำลาย "วิทยุเสียงธรรมหลวงตาฯ" เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการเข้ามาปกครองของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อแสดงออกถึงความรับผิดชอบ ทั้งทางโลกทางธรรมของสงฆ์ที่มีต่อพระพุทธศาสนา ต่อชาติบ้านเมือง และต่อมรดกธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ ผู้แทนคณะสงฆ์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากจตุรทิศ ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต จึงประชุมเมื่อวันที่ 19 เม.ย.2559 ณ กุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 จ.นครปฐม มีมติเอกฉันท์ดังนี้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจอย่างเต็มที่ แต่กรณีนี้กลับเพิกเฉย หาความจริงใจมิได้ ไม่มีแม้แต่การติดตามผล แล้วยังมีเจตนาหลีกเลี่ยงหลบหนีอยู่ตลอดเวลา แม้คณะสงฆ์ และคณะศิษย์ฯ จะร้องทุกข์เพียงใดก็ไม่ใส่ใจและไม่ให้ความสำคัญ สงฆ์จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่ไว้วางใจในตัวพล.อ.ประยุทธ์ ในการปฏิบัติต่อสถาบันพระพุทธศาสนา เข้าลักษณะของ "บุคคลทุศีล" จากการ "เสียสัตย์" 2.ในเมื่อสาธารณชนต่างรับรู้ความจริงกันแล้วว่า มีผู้บุกรุกเข้ามาก่อกรรมทำลายพื้นที่กระจายเสียง ซึ่งเป็นสมบัติของสงฆ์ให้วิบัติลงไป สงฆ์ย่อมพิจารณาเห็นในทางธรรมว่าผู้นั้นคือ "มหาโจรปล้นพระพุทธศาสนา" ประกอบกับกฎหมายได้บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการในการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช.ซึ่งแทนที่จะทำหน้าที่เพื่อการพิทักษ์รักษาก็หาไม่ กลับกระทำการในทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตนเองได้เคยปฏิญาณและได้เคยแถลงไว้ ในครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงให้สงฆ์ทำญัตติทุติยกรรมวาจา "คว่ำบาตร" แก่คฤหัสถ์ผู้เบียดเบียนศาสนา แม้ในกาลบัดนี้ก็เช่นกัน ในเบื้องต้นสงฆ์มีมติเห็นสมควรอาจจะลงนิคหกรรม "คว่ำบาตร" แก่พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการปิดกั้นทำลาย "วิทยุเสียงธรรมหลวงตาฯ"เพื่อให้การทำญัตติทุติยกรรมวาจา “คว่ำบาตร” สำเร็จผลได้อย่างสมบูรณ์เหมือนเมื่อครั้งพุทธกาล สงฆ์จึงมีมติให้กราบเรียนหารือในรายละเอียดต่อพระมหาเถระเพื่อวางแนวทางกำหนดกาลเวลาสถานที่ขั้นตอนให้เกิดความรอบคอบและเหมาะสมสูงสุด เมื่อได้ข้อสรุปชัดเจนแล้ว สงฆ์จะแจ้งต่อสาธารณชนต่อไป 3.สงฆ์เห็นชอบให้นำมตินี้แจ้งอย่างเป็นทางการต่อบุคคลสำคัญของชาติในแต่ละสาย ที่มีความรักเทิดทูนในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านทั้งได้ช่วยกันอบรมตักเตือน รวมทั้งพิจารณา และวินิจฉัยถึงความประพฤติและการปฏิบัติหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ 4.สงฆ์มีมติให้แจ้งเป็นที่สุดว่า มติสงฆ์นี้ มิได้กระทำไปด้วยอคติ 4 หากแต่สงฆ์มีความมุ่งหวังอย่างแรงกล้า ที่จะพิทักษ์ปกป้องมหาชนผู้สนใจใฝ่ธรรมอย่างสุดกำลังความสามารถ จึงถือเป็นความจำเป็นที่ต้องออกมติสงฆ์ในครั้งนี้. “




ที่มา:  อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/education/392900
ศิษย์"หลวงตามหาบัว"ฮึ่ม! เตรียมคว่ำบาตร' ประยุทธ์' #VoteNo ศิษย์"หลวงตามหาบัว"ฮึ่ม! เตรียมคว่ำบาตร' ประยุทธ์' #VoteNo Reviewed by MFNews on 02:10:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น :

ขับเคลื่อนโดย Blogger.