ตำนานสลากภัต(จาก - เรื่องนางกาลียักษิณี) อัลบั้มภาพงานสลากภัต วัดบ้านขุน #เชียงใหม่
งานสลากภัต วัดบ้านขุน
วันอาทิตย์ ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๙ ณ วัดบ้านขุน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
โดยมีพระครูปริยัติธรรมพินิจ เจ้าคณะตำบลบ่อหลวง เจ้าอาวาสวัดบ่อพะแวน เป็นประธานสงฆ์
ตำนานสลากภัต (จาก - เรื่องนางกาลียักษิณี)
น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ
อเวเรน จ สมฺมนฺติ เอส ธมฺโม สนนฺตโนฯ
ในกาลไหนทั่วพื้นผืนพิภพ หวังจะลบจบเวรด้วยเข่นฆ่า
เวรระงับดับได้กระไรนา ต้องเข่นฆ่ากรรมก่อกันต่อไป
ในกาลไหนทั่วพื้นผืนพิภพ จะสงบลบถอยเวรน้อยใหญ่
ก็ต้องด้วยเมตตาและอภัย ธรรมนี้ไซร้ของเก่าเล่ากันมาฯ
---------------------
ครั้งหนึ่ง มีคฤหบดีผู้หนึ่งมีภรรยาเป็นหมัน ต่อมาเขาได้นำหญิงอีกคนหนึ่งมาเป็นภรรยา เหตุการณ์โกลาหลเกิดขึ้นเมื่อภรรยาคนอายุมากนำยาแท้งลูกมาให้ภรรยาคนอายุน้อยกิน จนกระทั่งภรรยาอายุน้อยตกเลือดเสียชีวิตไปในที่สุด ในชาติต่อมา หญิงทั้งสองคนนี้ก็ตามล้างตามผลาญกันอีก โดยหญิงคนหนึ่งเกิดเป็นไก่ ส่วนหญิงอีกคนหนึ่งเกิดเป็นแมว อีกชาติต่อมาเมื่อหญิงคนหนึ่งเกิดเป็นเนื้อสมัน หญิงอีกคนหนึ่งเกิดเป็นนางเสือดาว และในที่สุดคนหนึ่งมาเกิดเป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถี ส่วนอีกคนหนึ่งมาเกิดเป็นทางยักษิณี นางยักษิณีตนนี้มีชื่อว่านางกาลียักษิณี ได้ไล่ติดตามหญิงบุตรสาวของเศรษฐีที่อุ้มบุตรอยู่ในวงแขน เมื่อนางผู้ถูกไล่ติดตามนี้ทราบว่าพระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ที่วัดพระเชตวัน จึงวิ่งหนีไปทางนั้น แล้วนำบุตรที่อุ้มมาไปวางลงที่เบื้องบาทของพระศาสดา นางกาลียักษิณีถูกเทวดาผู้รักษาประตูพระเชตวันสกัดไว้ที่ประตูไม่ยอมให้เข้าไป แต่ต่อมาพระศาสดาได้อนุญาตให้นางเข้าไปได้ และทั้งสองคนคือหญิงที่เป็นมนุษย์กับหญิงที่เป็นยักษ์ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระศาสดา โดยพระศาสดาได้ตรัสเล่าเรื่องที่ทั้งสองเคยล้างผลาญกันมาในในอดีตชาติ ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นภรรยาของสามีคนเดียวกัน เป็นแมว เป็นแม่ไก่ เป็นเนื้อสมัน และเป็นนางเสือดาวตามลำดับ พระศาสดาทรงตรัสอบรมนางยักษิณีและนางกุลธิดาว่า “เหตุไร เจ้าจึงทำอย่างนั้น ก็ถ้าพวกเจ้าไม่มาสู่เฉพาะหน้าพระพุทธเจ้าผู้เช่นเราแล้ว เวรของพวกเจ้า จักได้เป็นกรรมตั้งอยู่ชั่วกัลป์ เหมือนเวรของงูกับพังพอน, ของหมีกับไม้สะคร้อ และของกากับนกเค้า, เหตุไฉน พวกเจ้าจึงทำเวรและเวรตอบแก่กัน เพราะเวรย่อมระงับได้ด้วยความไม่มีเวร หาระงับด้วยเวรไม่”
พระศาสดาได้ทรงสงเคราะห์นางยักษิณี ด้วยการแนะนำให้นางกุลธิดานำนางยักษิณีไปอยู่ด้วยกันที่บ้านปรนนิบัติด้วยข้าวต้มแลข้าวสวย นางยักษิณีนี้คิดว่า หญิงสหายนี้อุปการะมากแก่เรา เราจะทำอุปการะตอบแทนแก่นาง
ดังนี้แล้วจึงบอกว่า ปีนี้ฝนจะดี เธอจงทำนาในที่ดอน ปีนี้ฝนจะแล้งเธอจงทำนาในที่ลุ่ม
ปรากฏว่านางกุลธิดาทำนาได้ผลดีทุกปี ส่วนชาวบ้านทำนาแล้วเจ๊งกันทั้งบ้านทั้งเมืองเพราะน้ำท่วมบ้าง น้ำแล้งบ้าง จึงเกิดความสงสัยว่า นางกุลธิดามีดีอะไร จึงถามว่า
แม่ เธอรู้ว่าปีนี้ฝนจะดี ฝนจะแล้งหรือ ?
นางบอกว่า นางยักษิณีหญิงสหายของฉัน ย่อมรู้ฝนดีฝนแล้ง พวกท่านไม่เห็นสักการะที่เราทำแก่นางยักษิณีตนนั้นหรือ แม้พวกท่านจงทำสักการะแก่นาง นางจักบอกฝนดีและฝนแล้งแก่พวกท่าน
พวกชาวเมืองทำสักการะแก่นางยักษิณอย่างยิ่งใหญ่ นางยักษิณีบอกความที่ฝนดีและฝนแล้งแก่ชาวเมือง
ตั้งแต่นั้นเมืองสาวัตถีก็อุดมไปด้วยข้าวกล้าอันสมบูรณ์
ต่อมาเมื่อภัตมีมากขึ้นนางยักษิณีประสงค์จะทำบุญจึงเริ่มตั้งสลากภัต นิมนต์พระมารับโดยการจับสลาก
และสลากภัตนั้นชาวบ้านก็ยังถวายกันจนถึงทุกๆวันนี้
วันอาทิตย์ ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๙ ณ วัดบ้านขุน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
โดยมีพระครูปริยัติธรรมพินิจ เจ้าคณะตำบลบ่อหลวง เจ้าอาวาสวัดบ่อพะแวน เป็นประธานสงฆ์
ตำนานสลากภัต (จาก - เรื่องนางกาลียักษิณี)
น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ
อเวเรน จ สมฺมนฺติ เอส ธมฺโม สนนฺตโนฯ
ในกาลไหนทั่วพื้นผืนพิภพ หวังจะลบจบเวรด้วยเข่นฆ่า
เวรระงับดับได้กระไรนา ต้องเข่นฆ่ากรรมก่อกันต่อไป
ในกาลไหนทั่วพื้นผืนพิภพ จะสงบลบถอยเวรน้อยใหญ่
ก็ต้องด้วยเมตตาและอภัย ธรรมนี้ไซร้ของเก่าเล่ากันมาฯ
---------------------
ครั้งหนึ่ง มีคฤหบดีผู้หนึ่งมีภรรยาเป็นหมัน ต่อมาเขาได้นำหญิงอีกคนหนึ่งมาเป็นภรรยา เหตุการณ์โกลาหลเกิดขึ้นเมื่อภรรยาคนอายุมากนำยาแท้งลูกมาให้ภรรยาคนอายุน้อยกิน จนกระทั่งภรรยาอายุน้อยตกเลือดเสียชีวิตไปในที่สุด ในชาติต่อมา หญิงทั้งสองคนนี้ก็ตามล้างตามผลาญกันอีก โดยหญิงคนหนึ่งเกิดเป็นไก่ ส่วนหญิงอีกคนหนึ่งเกิดเป็นแมว อีกชาติต่อมาเมื่อหญิงคนหนึ่งเกิดเป็นเนื้อสมัน หญิงอีกคนหนึ่งเกิดเป็นนางเสือดาว และในที่สุดคนหนึ่งมาเกิดเป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถี ส่วนอีกคนหนึ่งมาเกิดเป็นทางยักษิณี นางยักษิณีตนนี้มีชื่อว่านางกาลียักษิณี ได้ไล่ติดตามหญิงบุตรสาวของเศรษฐีที่อุ้มบุตรอยู่ในวงแขน เมื่อนางผู้ถูกไล่ติดตามนี้ทราบว่าพระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ที่วัดพระเชตวัน จึงวิ่งหนีไปทางนั้น แล้วนำบุตรที่อุ้มมาไปวางลงที่เบื้องบาทของพระศาสดา นางกาลียักษิณีถูกเทวดาผู้รักษาประตูพระเชตวันสกัดไว้ที่ประตูไม่ยอมให้เข้าไป แต่ต่อมาพระศาสดาได้อนุญาตให้นางเข้าไปได้ และทั้งสองคนคือหญิงที่เป็นมนุษย์กับหญิงที่เป็นยักษ์ก็ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระศาสดา โดยพระศาสดาได้ตรัสเล่าเรื่องที่ทั้งสองเคยล้างผลาญกันมาในในอดีตชาติ ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นภรรยาของสามีคนเดียวกัน เป็นแมว เป็นแม่ไก่ เป็นเนื้อสมัน และเป็นนางเสือดาวตามลำดับ พระศาสดาทรงตรัสอบรมนางยักษิณีและนางกุลธิดาว่า “เหตุไร เจ้าจึงทำอย่างนั้น ก็ถ้าพวกเจ้าไม่มาสู่เฉพาะหน้าพระพุทธเจ้าผู้เช่นเราแล้ว เวรของพวกเจ้า จักได้เป็นกรรมตั้งอยู่ชั่วกัลป์ เหมือนเวรของงูกับพังพอน, ของหมีกับไม้สะคร้อ และของกากับนกเค้า, เหตุไฉน พวกเจ้าจึงทำเวรและเวรตอบแก่กัน เพราะเวรย่อมระงับได้ด้วยความไม่มีเวร หาระงับด้วยเวรไม่”
พระศาสดาได้ทรงสงเคราะห์นางยักษิณี ด้วยการแนะนำให้นางกุลธิดานำนางยักษิณีไปอยู่ด้วยกันที่บ้านปรนนิบัติด้วยข้าวต้มแลข้าวสวย นางยักษิณีนี้คิดว่า หญิงสหายนี้อุปการะมากแก่เรา เราจะทำอุปการะตอบแทนแก่นาง
ดังนี้แล้วจึงบอกว่า ปีนี้ฝนจะดี เธอจงทำนาในที่ดอน ปีนี้ฝนจะแล้งเธอจงทำนาในที่ลุ่ม
ปรากฏว่านางกุลธิดาทำนาได้ผลดีทุกปี ส่วนชาวบ้านทำนาแล้วเจ๊งกันทั้งบ้านทั้งเมืองเพราะน้ำท่วมบ้าง น้ำแล้งบ้าง จึงเกิดความสงสัยว่า นางกุลธิดามีดีอะไร จึงถามว่า
แม่ เธอรู้ว่าปีนี้ฝนจะดี ฝนจะแล้งหรือ ?
นางบอกว่า นางยักษิณีหญิงสหายของฉัน ย่อมรู้ฝนดีฝนแล้ง พวกท่านไม่เห็นสักการะที่เราทำแก่นางยักษิณีตนนั้นหรือ แม้พวกท่านจงทำสักการะแก่นาง นางจักบอกฝนดีและฝนแล้งแก่พวกท่าน
พวกชาวเมืองทำสักการะแก่นางยักษิณอย่างยิ่งใหญ่ นางยักษิณีบอกความที่ฝนดีและฝนแล้งแก่ชาวเมือง
ตั้งแต่นั้นเมืองสาวัตถีก็อุดมไปด้วยข้าวกล้าอันสมบูรณ์
ต่อมาเมื่อภัตมีมากขึ้นนางยักษิณีประสงค์จะทำบุญจึงเริ่มตั้งสลากภัต นิมนต์พระมารับโดยการจับสลาก
และสลากภัตนั้นชาวบ้านก็ยังถวายกันจนถึงทุกๆวันนี้
ตำนานสลากภัต(จาก - เรื่องนางกาลียักษิณี) อัลบั้มภาพงานสลากภัต วัดบ้านขุน #เชียงใหม่
Reviewed by
HappinessplusC
on
06:46:00
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น :